Startup ของคนรุ่นใหม่ คิดยังไง ทำให้รวย
เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่วมกับคณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม เรียนกับตัวจริง ประสบการณ์จริง จัดเสวนาพิเศษ Tech Talk Season 4#4 ภาคการศึกษาที่ 2/2561 ในหัวข้อ ในหัวข้อ "Startup ของคนรุ่นใหม่ คิดยังไงให้รวย" ค้นพบ "จุดต่าง" ที่ต่อยอดธุรกิจท่องเที่ยวกับ Bellugg ธุรกิจบริการรับส่งกระเป๋าเดินทาง โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรพิเศษ คือ คุณสิภวิช ธำรงค์วราภรณ์ (เอ๊ด) Co-Founder Bellugg Group Company Limited ณ ห้อง Auditorium 1 อาคาร 40 ปี มหาวิทยาลัยศรีปทุม พอสรุปประมวลความได้ดังต่อไปนี้
คุณสิภวิช ธำรงค์วราภรณ์ (เอ๊ด) เล่าว่า เขาเรียนจบจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ และจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) BBA สาขา General Management ในปี ค.ศ.2012 เคยเป็นรองประธานสโมสรฟุตบอล เป็นนักศึกษาชอบทำกิจกรรม และได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า จะต้องเรียนให้จบภายในระยะเวลา 3 ปี ในขณะที่เรียนอยู่มีความคิดว่า อยากฝึกงานที่ไหนก็ได้ เพื่อขอให้มีงานทำ และก็ได้ไปฝึกงานที่บริษัทอิชิตัน โดยอยู่ฝ่ายการตลาด ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 จนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 และได้ยินคนบอกว่า ให้ทำงานก่อนสัก 2 ปีเพื่อให้มีประสบการณ์ แล้วจึงค่อยเรียนต่อปริญญาโท ต่อมาได้ไปศึกษาต่อปริญญาโท บริหารฯ –MIT Sloan Management Program-กว่างโจ ประเทศจีน และ International MBA, Sun Yat-Sen University ในปี ค.ศ.2016 (facebook.com/sipavich) ตอนเรียนอยู่ในประเทศจีนก็ยังพูดภาษาจีนไม่ได้ และอาศัยอยู่ในประเทศจีนเป็นเวลา 3 ปี หลังเรียนจบจากประเทศจีน ก็กลับเข้ามาทำงานที่บริษัทอิชิตันในประเทศไทย โดยทำเรื่องเกี่ยวกับแบรนด์ (Brand) ให้กับบริษัท นอกจากนั้นยังได้เคยเดินทางไปประเทศพม่า ฟิลิปปินส์ เป็นคนชอบการท่องเที่ยวเดินทางเป็นอย่างมาก เป็นคนชอบช่างสังเกต เวลาเดินทางเคยไปรับนักท่องเที่ยวมาที่บริษัท และเห็นว่า กระเป๋าเดินทางเป็นภาระของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจเป็นอย่างมาก พร้อมกับเก็บมานั่งคิดว่า มันเป็นโอกาสจริงหรือเปล่า ใครจะทำ ต้องศึกษาหาข้อมูลว่า มันเป็นปัญหาของนักท่องเที่ยวจริงหรือเปล่า (Pain Point) ตนเองไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการท่องเที่ยว ไม่มีความรู้เรื่องโลจิสติกส์ เมื่อคิดแล้วต้องวิเคราะห์ว่า มันเป็นปัญหาของคนอื่นด้วย ไม่ใช่ปัญหาของเราคนเดียว ถ้าเราคิดได้อย่างเดียว แล้วไม่ลงมือทำ มันก็คือขยะ เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้วก็ลาออกจากงาน ตอนที่อยู่ในประเทศจีน เคยเห็นสินค้าที่มีราคาถูกกว่าประเทศไทย 200-300 เท่า แต่ก็ไม่ได้นำมาขาย ต่อมาพอตนเองกลับมาที่ประเทศไทย เห็นสินค้าจากประเทศจีนวางขายเต็มไปหมด จึงนึกเสียดายมากที่ไม่ได้ทำ โดยส่วนตัวเองเป็นคนถนัดเรื่องการตลาด ไม่ค่อยชอบเรื่องตัวเลข
การทำธุรกิจคนเดียวยากที่จะประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น ตอนเป็นนักศึกษาทำกิจกรรมอยู่ เพื่อนๆ ที่ทำกิจกรรมอยู่ด้วยกัน อาจกลายเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของเราก็ได้ บิลเกต และมาร์คซักเคอร์เบิร์กก็เคยมีเพื่อนเหมือนกัน ในตอนทำธุรกิจนั้น เอาเงินของตนเองลงทุนล้วนๆ การนำเอาเงินของมารดาบิดามาใช้มันไม่เหมือนเงินของตัวเอง เพราะจะทำให้เราคิดได้ว่า การรวบรวมเงินทุนกว่าจะรวบรวมมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนทำธุรกิจการท่องเที่ยว ต้องทำให้ลูกค้าไว้ใจเราให้ได้ และตอนทำบริษัทประกันไม่ว่าจะทำอย่างไร เขาก็ไม่ค่อยไว้ใจเรา ต่อมาได้โทรติดต่อไปหลายบริษัท จนกระทั่งเขาไว้ใจเรา พอรับกระเป๋าจากลูกค้ามาแล้ว เอาไปส่งที่โรงแรม ทางโรงแรมเขาไม่ยอม เพราะเขาไม่เชื่อใจ เพราะเป็นบริษัทเล็กๆ หรือตอนรับไปขอรับกระเป๋าจากโรงแรม ทางโรงแรมก็ไม่ให้ เพราะไม่มีคนบอกว่า จะมีคนมารับ การทำธุรกิจเจอปัญหาทุกวัน จึงบอกทางโรงแรมว่า คุณเอานามบัตรผมไป เอาบัตรประชาชนผมไป บริษัทผมตั้งอยู่ตรงนี้ ตอนหลังเวลาเจรจาให้ทางโรงแรมเซ็น เวลาเราจะเอากระเป๋าไปให้นักท่องเที่ยว เวลามีนักท่องเที่ยวมาถาม เอาสัญญาให้ลูกค้าดูว่า โรงแรมไม่ยอมให้กระเป๋ามา ส่วนใหญ่ที่ทำเป็นโรงแรมระดับ 5-6 ดาว ที่เลือกทำกับบริษัทเหล่านี้ เพราะต้องมีความเชื่อมั่น ตอนผมเริ่มทำธุรกิจปีแรกเพียง 3 คน ผมลากกระเป๋าเอง พร้อมอุปกรณ์ คนหนึ่งลาก 3 ใบ เปิดมา 3 วันแรก มีลูกค้าเป็นชาวเกาหลี ดีใจมาก มารู้ทีหลังว่าเขาเป็น Blogger เมือเขากลับไปประเทศของเขาแล้วเขาก็ไปเขียน Review ในบล็อกของเขา ตอนแรกหวั่นวิตกเรื่องกระเป๋า เวลาลากกระเป๋าต้องระวังกระเป๋าเป็นรอย กระเป๋าของนักท่องเที่ยวบางคนราคา 6-7 หมื่นบาท พอใช้บริการกับบริษัทของเราแล้วเขาก็สบายใจ นักท่องเที่ยวเขากลับไปเขียน Review หลังจากนั้นก็มีชาวเกาหลี ดาราเกาหลีอีกหลายคนเป็นลูกค้า การทำธุรกิจสิ่งที่สำคัญ 3 ประการ คือ (1). ความน่าเชื่อถือ (2).การรับประกัน (3).โรงแรมต้องไว้ใจเรา ในตอนแรกที่ทำธุรกิจนั้น เวลาไปแนะนำเขา เขาก็บอกว่าดี แต่ไม่เคยใช้บริการเลย เดือนแรกมีคนใช้บริการเพียง 40 คน ต่อมาเดือนที่ 3 เพิ่มเป็น 300 คน และต่อมาทางโรงแรมอยากรู้จักเรามากขึ้น
หลายโรงแรมเรียกเขาเรียกเราเข้าไปคุย และเราขอ Tag กระเป๋า เทคนิค คือ เราจะให้โรงแรมโปรโมทให้เรา พยายามคิด และให้ทางลูกค้าเราโปรโมทให้ทางโรงแรม โดยคิดค่าส่งใบละ 1 บาท สำหรับใบละ 1 บาท แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย โดยมีข้อแม้ว่า จะต้องมีโลโก้ติดกระเป๋า ต่อมาโรงแรมทั่วกรุงเทพฯ มี Tag โลโก้ของเราติด เราทำเหมือนบังคับให้ลูกค้าบังคับโรงแรม หลังจากนั้นธุรกิจก็เริ่มเติบโตเป็น 500% ผมเริ่มทำธุรกิจ 2 ปีกว่า ซึ่งตอนนี้บริการรับ-ส่ง กระเป๋านักท่องเที่ยว 7-8 หมื่นใบละๆ 30 บาท เราเพิ่มและเริ่มขยายตลาด ตอนนี้มีเปิดสาขาที่ประเทศเกาหลี และใต้หวัน และจะเปิดที่โตเกียว และบาหลี คุณพักที่ไหน เราจะเอากระเป๋าไปเก็บให้ คุณไปเที่ยวได้ตามสบาย มีบริการฝากกระเป๋าให้ ทำให้นักท่องเที่ยวประหยัดเวลาในการเดินทาง การเปิดตลาดในต่างประเทศเราต้องร่วมมือกับ Partner แต่ถ้าเป็นในประเทศไทยไม่ต้อง เรารู้อยู่แล้ว แต่ในต่างประเทศเขาจะรู้กฏหมายดีกว่าเรา บริษัทของเราทำงานบน Web-Based Application เป็นเว็บไซต์ แต่ถ้าเป็น App บนสมาร์ทโฟนจะยังไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าใดนัก แต่เว็บไซต์ของเราก็ Support สมาร์ท โฟนด้วย ลูกค้าเราส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย เป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ค่อยมีลูกค้าจากยุโรป และอเมริกาเท่าใดนัก เพราะนักท่องเที่ยวเหล่านี้เขาบอกว่า เขาถือเองได้ เคยคุยกับนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน ต้องเถียงกันน่าดูเลย การทำธุรกิจ ต้องมีเป้าหมาย (Target) ที่ชัดเจน ต้องวิเคราะห์ดูว่า Target ไหนเหมาะสมกับเรามากที่สุด เราต้องเชื่อในสิ่งที่เราทำ และเราต้องมีคุณธรรม จริยธรรมด้วย การทำธุรกิจรับ-ส่งกระเป๋าเดินทางของนักท่องเที่ยว ของเราดีกว่าบริษัทของประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น มีบริษัทของประเทศญี่ปุ่นติดต่อเราให้เป็น Partner ประเทศญี่ปุ่นเขายังใช้คนอยู่ แต่ของเราลูกค้าทำได้เอง เป็นการบริหารจัดการที่ดีของเราเอง เราเป็น Startup ที่ไม่ได้มาจากสายเทคนิค ถ้าลูกค้าอยากรู้ว่า กระเป๋าถึงสนามบินหรือยัง ให้พนักงานถ่ายรูปกระเป๋าให้ลูกค้าดูได้ เพราะเรารู้ว่า ลูกค้าต้องการอะไร โรงแรมต้องการอะไร
ข้อแนะนำนักศึกษา คือ ให้เขียนไอเดียลงบนกรดาษ และส่งให้คนอื่นทำให้ แต่ถ้าคุณมี Partner ที่ดีก็สามารถช่วยในเรื่องเหล่านี้ได้ พนักงานของบริษัทเบลลัคค์ (Bellugg) ตอนนี้มีพนักงาน 70 คน ที่บริษัทเติบโตมาได้ขนาดนี้ เพราะผมได้ทีมงานที่ดี Teamwork คือสิ่งที่สำคัญที่สุด การทำงานร่วมกันอย่างเข้าอกเข้าใจกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ทีมที่เก่งที่สุด แต่เป็นทีมที่ยอมเสียสละเพื่อกันและกันคือสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ทีมที่ทำงานจริงๆ ของเรามีแค่เพียง 12 คน การเติบโตของบริษัท ต้องเติบโตแบบแข็งแรง ในเว็บไซต์มีให้เลือกได้สะดวก เช่น เลือกประเทศเกาหลี สามารถเข้าไปที่เว็บ Bellugg.com เลือกในเว็บ เช่นจากสนามบิน ไปโรงแรม หรือจากโรงแรม ไปสนามบิน คลิกหน้าต่อไป ชำระเงิน จบเลย ต้องจอง 1 วันก่อนล่วงหน้า ในต่างประเทศคิดกระเป๋าตามขนาด (Size) แต่ในประเทศไทยคิดตามน้ำหนัก บริการของเรา ขายความสะดวก สบาย ลูกค้าต้องเอากระเป๋าไปไว้ที่สนามบินมีโลโก้ Bellugg ถ้าเราทำไม่ได้จริงๆ เราก็ปฏิเสธ ไปประเทศญี่ปุ่น ราคา 750 บาทต่อ 1 กระเป๋า ถ้าคิดดีๆ ไม่ต้องเสียเวลามาก เพราะแทนที่จะไปเที่ยวได้หลายแห่ง แต่เสียเวลาอยู่กับการเอากระเป๋าไปไว้ที่โรงแรม ถ้าในประเทศไทยคิดราคา 350 บาทต่อ 1 ใบ ถ้าฮ่องกง คิดราคา 1,000 บาท ต่อ 1 ใบ ถ้าเปรียบเทียบราคาดูแล้วจะเห็นได้ว่า Bellugg ถูกกว่าบริษัทอื่น ในปี ค.ศ.2020 เราตั้งเป้าหมายขยายไปที่ประเทศมาเลเซีย และตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า “เราจะเป็นเบอร์ 1 ของเอเชีย” Uber เจ้ง เพราะไม่รู้พฤติกรรมของคนเอเชีย Glab จึงซื้อไป ผมเคยไปเข้าอบรมกับแจ๊คหม่าของ Alibaba เขาบอกว่า “ต้องมีเป้าหมาย และลงมือทำ มีเป้าหมายที่ชัดเจน มีการวางแผนและมีกลยุทธ์ที่ดีเยี่ยมด้วย”.
บทความโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุพล พรหมมาพันธุ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
อาจารย์ประจำสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ไม่มีความคิดเห็น