เปลี่ยน Mindset พลิกธุรกิจชาบูกับสูตรมัดใจลูกค้า ด้วย Social Media พบกับ Idea การสร้างธุรกิจ Penquin Eat Shabu ให้ปัง
เมื่อวันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่วมกับคณะบริหารธุรกิจ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ร่วมกันจัดเสวนา Tech Talk Season 5#2 ในหัวข้อ "เปลี่ยน MINDSET พลิกธุรกิจซาบูกับสูตรมัดใจลูกค้าด้วย Social Media พบกับไอเดีย การสร้างธุรกิจ PenGuin Eat Shabu ให้ปัง" โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรพิเศษ คือ คุณธนพันธ์ วงศ์ชินศรี (ต้น) กรรมการบริษัท PenGuin Group จำกัด ณ ห้อง Auditorium 1 อาคาร 40 ปี มหาวิทยาลัยศรีปทุม พอสรุปประมวลความได้ดังต่อไปนี้
คุณธนพันธ์ วงศ์ชินศรี (ต้น) เล่าว่า เขาได้ค้นหาและเจอเพจเฟซบุ๊คชื่อ “เก๋ากะพง” เขาได้ทำธุรกิจรถเข็น มีเมนูอาหารเป็นปลากะพง และอาหารทะเลหลากหลายอย่าง อาเฮียคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจนี้เขาสามารถขยายเฟรนไซส์ได้ในกรุงเทพฯ จึงเกิดไอเดียขึ้นมา เพราะปัจจุบันคนไทยใช้เฟซบุ๊คติดอันดับ 1 ของโลก “ถ้าคุณโยนอาหารลงไป ปลาขึ้นมาเต็มเลย” ที่บ้านผมรับหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับ วันหนึ่งได้เปิดดูทีวี เจอคลิปโฆษณาของฮอลล์ (Halls) ซึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ค่าทำ Production และอื่นๆ สมัยสรยุทธ์ อ่านข่าว ค่าโฆษณาเพียง 15 วินาที ราคา 4 แสนบาท โฆษณาทางออนไลน์ถูกกว่ามาก มีคนดูเป็นล้าน เสีย 10 สตางค์ต่อคลิป คนดูทางออนไลน์สามารถวัดผลได้ทุกอย่าง ที่คุณทำ จะเห็นได้ว่ามีวารสารต่างๆ ทยอยปิดตัว ไม่ว่าเป็นวารสาร ZOO, FHM, เปรียว, สกุลไทย, Zeed, เนชั่น, ธุรกิจ Grammy, RS ของเฮียฮ้อ ก็ปิดตัว มาเปิดขายวัตถุมงคล ยอดขายหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ หายไปเป็นจำนวนมาก เรามีทางเลือกอยุ่ 2 ทางเลือก คือ การปรับตัวเปลี่ยน Mindset หรือจะให้โลก Disruption เรา
คุณธนพันธ์ วงศ์ชินศรี เล่าต่อไปว่า ผมเรียนทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สภาพความเป็นอยู่ในบ้านในช่วงนั้นค่อนข้างแย่และลำบาก มีเงินอยู่ 1.3 ล้านบาท น้องชายหัดทำซาบูขาย ในอพาร์ทเม้นท์ ด้วยน้องชายเป็นสถาปนิก ใช้โทนสีโต๊ะและเก้าอี้เป็นสีเหลือง ทาสีผนังสีเทา เป็นสีที่เหลือจากงานสถาปนิก ทำของใหม่หมด ค่าใช้จ่ายหมดไป 2 หมื่น ในช่วงแรกคิดว่า โลโก้จะเอาเป็นฮิปโป เพราะนึกถึงฮิปโปที่เขาดิน จินตนาการความน่าเกลียดไม่ออกเลยว่าโลโก้ฮปโปออกมาจะเป็นอย่างไร พอผ่านไป 21 วันจึงได้ชื่อ Penguin แต่ยังไม่มีอะไรมาก พอครบ 1 เดือนได้จึงได้โลโก้ ผ่านไป 40 วัน ทำผ้ากันเปื้อนขึ้นมาออกแบบเอง และทำการตลาดผ่านเฟซบุ๊ค ตอนนี้อาหารไม่มี รูปภาพอาหารก็ไม่มี ถ้าไปเอารูปภาพของคนอื่นมา เดี๋ยวจะถูกกล่าวหาว่า Copy ของเขามา ในตอนแรกๆ ทำภาพเบลอๆ ต่อมาได้ไปซื้อหมูเป็นก้อนๆ มา ซื้อเครื่องบดมาและถ่ายรูปเอง กินกันเอง ฝืนถ่ายภาพ เอาพ่อแม่มากินและใส่คะนอร์ลงไป อันนี้เป็นภาพแรกของ Penguin พนักงานก็ยังไม่มี พ่อครัวก็ยังไม่มี ไปทำการซื้อสูตรการทำซาบูมา หมดไปแสนกว่าบาท เปิดร้านไม่ได้ไม่มีเชฟ (Chef) ขายผ่านไป 60 วัน มีเชฟโทรมาหา เขาบอกว่าได้งานทำที่ประเทศตุรกี จะเปิดร้านแล้ว หาเชฟไม่ได้ เจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้านขายหมูปิ้ง-ย่าง ร้านคุณต้นจึงได้พูดคุยกัน เขาถามว่า ต้องการแฟนหนูไปทำงานไหม แฟนหนูเขาขายหมูปิ้ง-ย่าง อยู่ที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน หลังจากนั้นจึงได้เชฟทำอาหารมา
ตอนนี้ PenGuin Eat Shabu มึคนต่อแถวซื้ออยู่ตลอดเลา จึงคิดว่า Facebook นี่แหละที่เราจะทำการตลาดได้ Facebook มี Engagement ที่ช่วยสร้างแบรนด์ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 23-34 ปี เพราะผู้หญิงชอบผู้ชายหล่อ รวย เจ้าชู้ จึงออกแบบ PenGuin ตลกหน้าหม้อ “สด อร่อย คุ้ม” เมื่อทำแบรนด์นี้ จึงทำแบรนด์ “ไม่อร่อย ให้ต่อย PenGuin” นี่คือที่มาของ PenGuin ผ้ากันเปื้อนก็ทำเอง รู้สึกภูมิใจมาก ต่อมาได้ทำ Customer Journey คือ เส้นทางเดินของลูกค้าให้มาสัมผัสกับแบรนด์ การทำ Customer Journey มีจุดประสงค์ คือ ต้องการอยากให้ลูกค้าแชร์ มีจุดให้ผู้หญิงถ่ายรูป และแชร์ลงใน Social Media มีจุด Check in ที่ให้ลูกค้ามาถ่ายรูป ตอนนี้ได้ขยายสาขาไปที่ สะพานควาย, ราชพฤกษ์, สยาม, และเชียงใหม่ ในขณะเดียวกันเองก็ได้ทำธุรกิจ Consult ซึ่งธุรกิจนี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ เอาญาติมาทำด้วย มาสร้างบ้านขาย เป็นแบรนด์ที่ทำการตลาดผ่าน Facebook 100% ตอนนี้มีแฟนเพจ 4 แสนคน จ่ายเงินให้กับ Facebook ไป จำนวน 100,000 กว่าบาท ต่อเดือน สามารถจับต้องได้ ยอดการตลาดยังไม่ถึง 1% ไม่จ่ายเงินให้กับเจ้าอื่น สำหรับ PenGuin Eat Shabu ตอนนี้ ได้โพสต์ภาพเกี่ยวกับอาหาร ทำการตลาดได้สักระยะหนึ่ง ต่อมาก็ทำคลิปวิดีโอ และใช้โทรศัพท์ iPhone และตอนนี้มียอดวิวอยู่ที่ 2 แสนวิว และต่อมาก็ทำคลิปวิดีโอ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนทำโฆษณาห่อกุ้ง มีคนนำไปโพสต์ลง Pantip ซึ่งทำให้คนรู้จักมากขึ้น การทำการตลาดผ่าน Facebook Audience Insights หรือเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า ซึ่งเจ้าเครื่องมือนี้แหละที่จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น จากการทำเครื่องมือนี้ดีมาก ตอนนี้มีแฟนเพจเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสน แปดหมื่นคน มีผู้หญิงแปดหมื่นคน และมีแฟนเพจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อายุระหว่าง 34 ปี ผู้หญิงในกลุ่มนี้ สนใจเฟซบุ๊คเพจนี้มาก ในขณะเดียวกัน การทำการตลาดแนวนี้ สามารถเข้ามาเช็คสภาพของคุณภาพได้ ตรวจสอบความสนใจ สามารถตรวจสอบได้ว่า มีคนสนใจ PenGuin Eat Shabu กี่คน เช่น ตอนนี้ตรวจเช็คได้ว่า 1 ล้าน 5 แสนคน สามารถดูได้ว่า ชอบร้านไหน และตอนนี้ก็ชู ซากิยูกิ Shabu ปิ้งย่าง โดยใช้ข้อความโฆษณาว่า “ไม่ว่าจะเจออะไรมา Shabu ทำได้ทุกอย่าง” ในตอนที่หวยออก ก็ใช้ข้อความโฆษณาว่า “ใครโดนหวยกินมา PenGuin ลดให้ 200” ส่วน บุฟเฟ่ต์ของที่นี่แบ่งเป็น 3 ราคาครับ 359, 459, 659 net
ตอนนี้ ยอดคนเข้ามาเป็นแฟนเพจ PenGuin และซื้อสินค้าจำนวนมาก ส่วนหนึ่งมาจากการใช้คูปองมาลดราคา และการโฆษณาที่ใช้คำแบบสั้นๆ กระชับ ผู้หญิงส่วนหนึ่งก็ใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ Android ก็มีจำนวนมากพอสมควร อย่างตัวอย่างเช่น คำโฆษณา 3 คำซ้ำๆ คือ “ครีมหน้าขาว” ได้รับความนิยมมาก ใน Facebook ที่ทาง PenGuin ใช้ในการโฆษณานั้น เขาจะมีการใช้ AI และ Big Data เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า อย่างเช่น ถ้าคุณพิมพ์คำค้นหาว่า Shabu หรือ Starbuck ข้อมูลเหล่านี้จะวิ่งมาหาคุณโดยอัตโนมัติ Big Data สามารถแยกแยะคุณได้ จากการแบ่งส่วนการตลาด 4 อย่าง (The Four Types of Market Segmentation) คือ (1). การแบ่งส่วนพฤติกรรม (Behavioral segmentation) เป็นการแบ่งส่วนการตลาดตามพฤติกรรมของผู้บริโภค เช่น ทัศนคติ, โอกาสในการเลือกซื้อสินค้า, ช่วงเวลาในการซื้อ ขนาดในการซื้อ อัตราการใช้มาก-ปานกลาง-น้อย. (2). การแบ่งส่วนตามหลักภูมิศาสตร์ (Geographic) เช่น สภาพภูมิประเทศ ภูมิภาค จังหวัด สภาพอากาศ เขตพื้นที่อยู่อาศัยในเมือง-ชนบท ความหนาแน่นของจำนวนประชากร, (3). การแบ่งส่วนตามหลักจิตวิทยา (Psychographic) เช่น ความชื่นชอบ รูปแบบในการดำเนินชีวิต ลักษณะบุคลิกภาพ ชนชั้นทางสังคม, และ (4). การแบ่งส่วนตามหลักประชากรศาสตร์ (Demographic) เช่น เพศ อายุ อาชีพ เชื้อชาติ ศาสนา ระดับการศึกษา รายได้ สีผิว วงจรการใช้ชีวิต เป็นต้น มีคำภาษาอังกฤษคำหนึ่งที่กล่าว่า “If you are not paying for the product, you are the product” หรือ “หากคุณไม่ได้ชำระเงินสำหรับผลิตภัณฑ์ คุณเป็นผลิตภัณฑ์” ดังนั้น หากจะทำธุรกิจ ต้องเปลี่ยน Mindset และแสวงหากลยุทธ์ใหม่ๆ ในการมัดใจลูกค้า โดยเฉพาะกลยุทธ์ออนไลน์และการใช้ Social Media ในการดำเนินธุรกิจ.
บทความโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุพล พรหมมาพันธุ์อาจารย์ประจำสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ไม่มีความคิดเห็น