การจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ ในรายวิชาการวิจัยทางการสื่อสาร
การจัดการเรียนการสอนรายวิชาตามหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต คณะนิเทศศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
มีการปรับปรุงวิธีการสอนจากเดิมในรายวิชาทฤษฎีซึ่งผู้สอนส่วนใหญ่ใช้วิธีการสอนแบบบรรยายตามเนื้อหาบทเรียนแต่ละบท
และใช้สื่อคอมพิวเตอร์โปรแกรม PowerPoint ประกอบการเรียนการสอนเท่านั้น
มาดำเนินการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเรียนรู้โดยเน้นทักษะด้านการปฏิบัติและลดทอนเนื้อหาด้านทฤษฎีให้น้อยลง
เพื่อสร้างความน่าสนใจ
ดึงดูดให้เกิดความต้องการในการเรียนแก่ผู้เรียนมากยิ่งขึ้น
รายวิชา CMM 258 การวิจัยทางการสื่อสาร
เป็นอีกวิชาหนึ่งโดยที่ผ่านมานั้นมักเน้นการบรรยายตามองค์ความรู้ด้านแนวคิด
ทฤษฎี กระบวนการด้านการวิจัย ตามแผนการสอนที่กำหนดขึ้นเช่นกัน
แนวที่ผู้สอนใช้ส่วนใหญ่ก็เป็นการบรรยาย และทดสอบย่อยเพื่อวัดผลการเรียนรู้
พร้อมการสั่งทำรายงานกลุ่มส่งในช่วงสอบปลายภาค
นอกจากนี้จากการถามทัศนคติของผู้เรียนในชั่วโมงแรกที่มีต่อคำว่า “วิจัย”
พบว่าส่วนใหญ่รู้สึกว่าเน้นวิชาการ คงน่าเบื่อ มีแต่หลักการทฤษฎี
ไม่น่าสนุก
จากปัญหาที่กล่าวมาทำให้ผู้สอนคิดหาวิธีการว่าควรทำอย่างไรจึงสามารถสร้างแรงจูงใจ
ความสนใจในการเรียนวิชาวิจัย
วิธีและรูปแบบการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพในการให้ผู้เรียนแต่ละคนสามารถเรียนรู้สัมผัสองค์ความรู้และกระบวนการวิจัยด้วยตนเอง
โดยคาดว่าผลจากวิธีการสอนแบบเชิงปฏิบัติการและการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ
สามารถสร้างความรู้ ความเข้าใจในการวิจัยเบื้องต้น เกิดทักษะในการวิจัย
มองเห็นคุณค่าของการวิจัย และมีทัศนคติที่ดีต่อการวิจัย
พร้อมทั้งสามารถนำประสบการณ์ทางด้านความรู้ ความคิด
และทักษะที่ได้จากการเรียนวิจัย
ไปสังเกตปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัว
ตั้งคำถามกับค้นหาคำตอบของปัญหาด้วยการวิจัย
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาสังคมต่อไป
หรืออย่างน้อยก็เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้เกี่ยวกับการวิจัยว่าไม่ยากเกินความสามารถที่ผู้เรียนจะเข้าใจได้
ในการคิดค้นหาวิธีการและรูปแบบการจัดการเรียนการสอนนั้น
เริ่มจากการศึกษาแนวคิด บทความและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน
โดยมีความเห็นด้วยกับนักการศึกษาหลายท่านที่มีบทบาทต่อการสร้างองค์ความรู้และแนวคิดทางการศึกษา
ดังที่ศาสตราจารย์ประเวศ วะสี ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า
“วิธีเรียนทั้งในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยไม่ได้ทำให้คนฉลาด
เนื่องจากเน้นการท่องจำ ความรอบรู้ไม่มี ความคิดไม่มี
เป็นการเรียนรู้แบบตัวใครตัวมัน” (จริยา วิไลวรรณ, 2550: 23) นอกจากนั้น
การเรียนรู้ด้วยวิธีการนั่งฟังเพียงอย่างเดียวเป็นการเรียนรู้ที่แย่ที่สุด
มีงานวิจัยที่บ่งบอกว่า
คนเราสามารถนั่งฟังการบรรยายเรื่องใดๆได้อย่างรู้เรื่องในเวลาที่จำกัดไม่เกิน
20 นาที
และเมื่อเวลาผ่านไปหากความรู้นั้นไม่ได้ถูกนำไปใช้จริงก็จะค่อยๆเลือนหายและลืมไปในที่สุด
แสดงว่าการใช้วิธีการบรรยายในการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนเพื่อถ่ายทอดความรู้นั้นแม้จะบรรยายยาวนานเพียงไร
ก็ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนน้อยมาก
สิ่งที่ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในกระบวนการจัดการเรียนรู้
ในอันดับแรกจำเป็นต้องทำให้ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ พึงพอใจ
เห็นประโยชน์และคุณค่าของสิ่งที่เรียน ซึ่งส่งผลให้เกิดความสนใจ
กระตือรือร้น ตั้งใจ อยากรู้อยากเห็น
ทั้งพร้อมในการให้ความร่วมมือในการร่วมทำกิจกรรมการเรียนต่างๆ
การเรียนรู้ที่แท้ ต้องสามารถให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวบุคคล
ซึ่งไม่ใช่ด้วยการสั่งสอน ถ่ายทอดในลักษณะครอบงำเพียงอย่างเดียว
แต่ควรสร้างให้เกิดด้วยการสัมผัสความหลากหลายของเนื้อหา กระบวนการ
และฐานการเรียนรู้ และนักการศึกษาไทยที่มีชื่อเสียง ดร.สุวิทย์ มูลคำ
ได้สรุปวิธีการได้มาซึ่งความรู้ไว้ว่า “การเรียนรู้ที่ดีที่สุดของคนเรา
คือเมื่อต้องลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง” เป็นการเรียนรู้โดยประสบการณ์
นอกจากนั้นจากการศึกษาการสอนแบบเชิงปฏิบัติการ
ทำให้เห็นว่าเป็นการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาในวิชา (concept)
เข้าใจขั้นตอนการนำความรู้ไปประยุกต์และสามารถปฏิบัติได้จริงอย่างสร้างสรรค์
โดยวิธีสอนแบบปฏิบัติการ (laboratory method)
จัดเป็นกระบวนการสอนที่ใช้ประสบการณ์ตรงที่ผู้เรียนได้เรียนจากการปฏิบัติจริง
จัดกระทำกับข้อมูลเองซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความคิดรวบยอด
เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริง
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเน้นให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริง
ในการจัดกระทำข้อมูลต่างๆ ค้นพบและหาข้อสรุปด้วยตนเอง ภายใต้คำแนะนำ
ความช่วยเหลือของผู้สอน ทำให้เกิดความเข้าใจในบทเรียนยิ่งขึ้น
มีความเป็นรูปธรรมเพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรง
ได้เรียนรู้จากสิ่งที่ง่ายไปหาสิ่งที่ยาก เกิดความสนใจ
เกิดความพอใจและไม่เบื่อหน่ายต่อการเรียน
ส่วนการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ
เป็นการเรียนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนทำงานร่วมกัน
โดยในกลุ่มประกอบด้วยสมาชิกที่มีความสามารถแตกต่างกัน
มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีการช่วยเหลือพึ่งพาซึ่งกันและกัน
และมีความรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งในส่วนตนและส่วนรวม
เพื่อให้ตนเองและสมาชิกทุกคนในกลุ่มประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด
ดังนั้นผู้สอนจึงสร้างกระบวนการเรียนการสอนด้วยการให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ
เพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และผลิตเนื้อหาบทเรียนที่เป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับการวิจัย
และการสร้างความร่วมมือภายในกลุ่มงานวิจัย
รวมทั้งการนำเสนอเผยแพร่งานสร้างสรรค์ในกลุ่ม Facebook รายวิชา CMM258
การวิจัยทางการสื่อสาร เพื่อให้สมาชิกในกลุ่มเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ทั้งความรู้การวิจัยและการสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นสื่อนำเสนออีกด้วย
ผู้สอนดำเนินการตาม 5 ขั้นตอนดังนี้
![]() |
1.ขั้นเตรียม ผู้สอนแนะนำทักษะในการเรียนรู้ร่วมกัน
จัดเป็นกลุ่ม กำหนดขนาดของกลุ่มๆละ 4-5 คนผู้สอนแนะนำข้อปฏิบัติ บทบาท
หน้าที่ของสมาชิกกลุ่ม แจ้งวัตถุประสงค์การทำกิจกรรมร่วมกัน
การวัดและประเมินผลงานของกลุ่ม
เมื่อจัดกลุ่มเรียบร้อยแล้วให้ทุกกลุ่มจัดพิมพ์รายชื่อสมาชิก
พร้อมระบุบทบาทหน้าที่ของสมาชิกแต่ละคน
2.ขั้นสอน ผู้สอนนำเข้าสู่บทเรียน
แนะนำเนื้อหาที่กำหนดไว้ในแต่ละสัปดาห์
จุดมุ่งหมายของการศึกษาเนื้อหาองค์ความรู้เกี่ยวกับการวิจัยทางการสื่อสาร
แนะนำแหล่งข้อมูลและมอบหมายงานให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่ม
โดยให้กลุ่มจับสลากหัวข้อองค์ความรู้ในแต่ละสัปดาห์ทั้งหมด 15 หัวข้อ
เพื่อค้นคว้าศึกษาเนื้อหาและสร้างสรรค์ผลิตเป็นชิ้นงานสื่อเพื่อนำเสนอในชั้นเรียนและผ่านสื่อ
Facebook รายวิชา
3.ขั้นทำกิจกรรมกลุ่ม ผู้เรียนเรียนรู้ร่วมกันในกลุ่มย่อย
โดยที่แต่ละคนมีบทบาทและหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย
สมาชิกในกลุ่มร่วมกันรับผิดชอบในการศึกษาค้นคว้าความรู้ตามหัวข้อที่ได้รับจากแหล่งข้อมูล
ได้แก่ ห้องสมุด เว็บไซต์ สำนักการจัดการศึกษาออนไลน์ SPU e-Learning
เมื่อรวบรวมข้อมูลเนื้อหาความรู้ที่ได้ ทั้งหมดแล้ว
จึงให้สมาชิกที่รับผิดชอบในการเขียนบท การเล่าเรื่อง STORYBOARD
และดำเนินการวางแผน ถ่ายทำและตัดต่อเป็น Clip VDO ฉบับสมบูรณ์
4.ขั้นตรวจสอบผลงานและทดสอบ
การเรียนแบบร่วมมือในขั้นนี้เป็นการตรวจสอบว่าผู้เรียนที่เป็นสมาชิกในกลุ่มได้ปฎิบัติหน้าที่ครบถ้วนตามที่รับผิดชอบ
และผลการปฎิบัติเรียนรู้และทำงานร่วมมือกันนั้นสามารถสร้างผลงานทั้งที่เป็นผลงานกลุ่มและรายบุคคลออกมาเป็นอย่างไร
สามารถสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ความรู้ของหัวข้อที่ได้รับมากน้อยเพียงใด
ทั้งต่อตัวเองและต่อเพื่อนในชั้นเรียน
รวมทั้งจัดการทดสอบความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาบทเรียนที่นำเสนอ
5.ขั้นสรุปบทเรียนและประเมินผลการทำงานกลุ่ม
ในแต่ละสัปดาห์ผู้สอนสรุปเนื้อหาองค์ความรู้วิจัยภายหลังจากการนำเสนอโดยสื่อ
VDO ที่สร้างสรรค์ผลิตขึ้นของแต่ละกลุ่ม
และผู้เรียนช่วยกันสรุปบทเรียนที่ได้รับชมจากสื่อ VDO
หากมีประเด็นเนื้อหาที่ผู้เรียนยังไม่เข้าใจ
ผู้สอนมีการอธิบายเพิ่มเติมหรือยกตัวอย่างประกอบการอธิบายเพื่อให้ผู้เรียนทุกคนเกิดความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น
ผู้สอนและผู้เรียนมีการร่วมมือช่วยกันประเมินผลการทำงานกลุ่ม
พิจารณาจุดเด่นของงานและสิ่งที่ควรปรับปรุงเพื่อการพัฒนาให้เกิดผลงานที่ดีขึ้นต่อไป
นอกจากนั้นในชั่วโมงปฏิบัติการผู้สอนนำหลักการ
แนวทางและวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ
ให้นักศึกษาดำเนินการตามกิจกรรมที่มอบหมาย จำนวน 5 กิจกรรม ได้แก่
สัปดาห์ที่ 1 : กิจกรรมล้วง…ลับ….ตับ….ฉีก
กิจกรรมที่ให้ผู้เรียนที่จับคู่กันคิดหาเทคนิควิธีการพูดคุยล้วงลึกความลับของคู่หูตนให้ได้มากที่สุด
เพื่อการรู้จักเพื่อนเข้าใจเพื่อนอย่างลึกซึ้ง
สัปดาห์ที่ 4 : กิจกรรมพฤติกรรมเปิดรับสื่อ
สอบถามคู่หูของตนเกี่ยวกับการเปิดรับข้อมูลข่าวสาร
รวมทั้งคนในครอบครัวว่าเปิดรับข่าวสารประเภทใด จากสื่อใดบ้าง
สัปดาห์ที่ 9 : กิจกรรมการเสพข่าวสารประเด็นร้อน
เป็นกิจกรรมการนำข่าวสารประเด็นร้อนในสังคมที่เผยแพร่ออกสื่อออนไลน์มาสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
และผู้เรียนทั้งคู่ร่วมมือกันในการสรุปความคิดเห็นนำเสนอในชั้นเรียน
สัปดาห์ที่ 11: บันทึก Diary การเสพสื่อของตัวเอง และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคู่หูของตน
สัปดาห์ที่ 12: กิจกรรมสัมภาษณ์นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายเกี่ยวกับ ศรีปทุม และ SPU Awareness โดยจัดทำเป็น VDO Clip
ตัวอย่างผลงานสร้างสรรค์วิดีทัศน์จากกระบวนการเรียนการสอนแบบร่วมมือ ดังภาพประกอบ
![]() |
ภาพประกอบตัวอย่างงานวิดีทัศน์องค์ความรู้การวิจัย |
![]() |
ภาพประกอบตัวอย่างงานวิดีทัศน์กิจกรรมสัมภาษณ์นักเรียนเกี่ยวกับศรีปทุม และ SPU Awareness |
- ผู้เรียนมีความสนใจในเนื้อหาบทเรียนองค์ความรู้การวิจัยที่นำเสนอในรูปแบบของวิดีทัศน์ ซึ่งแต่ละกลุ่มสร้างสรรค์และผลิตสื่อในลักษณะที่มีความหลากหลาย จึงทำให้ไม่น่าเบื่อ
- ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการวางแผนทำงาน สร้างสรรค์และผลิตผลงาน.ให้ออกมาเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆในชั้นเรียน ในการทำงานขั้นของการผลิตชิ้นงานบางกลุ่มเกิดปัญหาหรืออุปสรรคขึ้น ก็มีการขอความร่วมมือจากเพื่อนต่างกลุ่มให้มาช่วยเหลือกันอีกด้วย
- การเรียนการสอนแบบร่วมมือทำให้ผู้เรียนเกิดประสบการณ์จากการลงมือทำกิจกรรม การแก้ไขปัญหาร่วมกัน การเรียนรู้ด้วยการที่ตนเองมีส่วนร่วมไม่ใช่คอยนั่งฟังการบรรยายจากผู้สอนฝ่ายเดียว รวมทั้งผู้เรียนเกิดความภาคภูมิใจในการดึงศักยภาพของตนเองออกมา โดยเฉพาะผู้เรียนเป็นนักศึกษาของสาขาวิชาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล แม้ว่ากำลังศึกษาในชั้นปีที่ 2 แต่สามารถสร้างสรรค์และผลิตผลงานสื่อการเรียนการสอนให้น่าสนใจและให้เพื่อนในชั้นเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในบทเรียนได้
- ทำให้ผู้สอนมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เรียนเช่นกัน โดยเฉพาะกิจกรรมล้วง…ลับ….ตับ….ฉีก ที่ข้อมูลจากการนำเสนอนั้น ทำให้ผู้สอนเข้าใจสถานการณ์ ภูมิหลังความเป็นมาของผู้เรียน หรือวีรกรรมต่างๆของผู้เรียน รวมทั้งรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้เรียน นอกจากนั้นกิจกรรมสัมภาษณ์นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายเกี่ยวกับ ศรีปทุม และ SPU Awareness ที่ถามเพียง 3 คำถามก็ทำให้รู้คำตอบว่านักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายรู้จัก ศรีปทุม และ SPU มากน้อยเพียงใด และคิดอย่างไรกับแบรนด์นี้
โดยสรุป
การจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือในรายวิชาการวิจัยทางการสื่อสารที่ดำเนินการดังที่กล่าวมาทั้งหมด
สามารถนำมาใช้เพื่อเป็นแนวทางหนึ่งในการพัฒนาการเรียนการสอนในรายวิชาอื่นๆที่มีลักษณะปัญหาคล้ายคลึงกัน ซึ่งอาจช่วยทำให้เกิดประสิทธิภาพในการสอนและเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความสนใจของผู้เรียนเพิ่มขึ้นจากวิธีการสอนแบบบรรยายโดยผู้สอนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม
การค้นหาวิธีการและรูปแบบการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ
สามารถสร้างความน่าสนใจ และตอบสนองต่อความความต้องการของผู้เรียน
จนกระทั่งสร้างความ พึงพอใจให้เกิดขึ้นแก่ผู้เรียน
คงเป็นสิ่งที่ท้าทายผู้สอนทุกท่านให้ต้องใช้ความพยายามในการปรับเปลี่ยนวิธีสอนให้ตรงใจและโดนใจผู้เรียนที่เปลี่ยนไปในทุกภาคการศึกษาต่อไป
รายการอ้างอิง
จริยา วิไลวรรณ. 2550. คู่มือ “คุณ Fa” วิทยากรกระบวนการผู้สร้างการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม(Facilitator). กรุงเทพฯ: พิมพ์ดี.โชติกา ภาษีผล. 2559. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ทิศนา แขมมณี. 2550. ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประภัสรา โคตะขุน. “การเรียนแบบร่วมมือ.” สืบค้นเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2559, จาก https://sites.google.com/ site/prapasara/thekh-kar-sxn
พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และคณะ. 2559. การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ลักษณ์นารา ยะแก้ว. 2556. การพัฒนาพฤติกรรมการเรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาในการเรียนวิชาหลักการตลาด โดยการสอนแบบมีส่วนร่วม. เชียงใหม่: วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลีเทคนิคลานนา เชียงใหม่.
ศารทูล อารีวรวิทย์กุล. 2554. การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการและการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ. ปริญญานิพนธ์หลักสูตรปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการมัธยมศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สุดา แก้วสุณีย์. 2550. การศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ส 42102 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่องพัฒนาการทางด้านต่าง ๆ ของมนุษย์ในโลกตะวันตก ระหว่างวิธีการสอนโดยใช้บทเรียนออนไลน์ การเรียนแบบร่วมมือ และการสอนแบบปกติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนคณะราษฎรบำรุ จังหวัดยะลา.
ผู้ช่วยศาสตราจารย์วรรณี งามขจรกุลกิจ
ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะนิเทศศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ไม่มีความคิดเห็น