การเรียนการสอนกับการสร้างแรงจูงใจ ในการสร้างศักยภาพสู่มืออาชีพ
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Skill) วิจารณ์ พานิช (2556:
16-21) ได้กล่าวถึงทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21
สาระวิชาก็มีความสำคัญ
แต่ไม่เพียงพอสำหรับการเรียนรู้เพื่อมีชีวิตในโลกยุคศตวรรษที่ 21
ปัจจุบันการเรียนรู้สาระวิชา (content หรือ subject matter)
ควรเป็นการเรียนจากค้นคว้าเองของศิษย์
โดยครูแนะนำและช่วยออกแบบกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้เรียนแต่ละคนสามารถประเมินความก้าวหน้าของการเรียนรู้ของตนเองได้
ผู้เรียนทุกคนต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต คือ การเรียนรู้ 3RS + 8Cs + 2Ls คือ
Reading (อ่านออก) , (W)Riting (เขียนได้),และ (A)Rithemetics (คิดเลขเป็น)
8Cs + 21st Century Themes ได้แก่ Critical Thinking and Problem Solving
(ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา) Creativity and
Innovation (ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม)Cross-cultural
Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนะรรม
ต่างกระบวนทัศน์)Collaboration, Teamwork and Leadership
(ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ) Cross-cultural
Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์)
Communications, Information and Media Literacy
(ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ) Computing & Media
Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) Career
& Learning Self-reliance (ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้) Change
(ทักษะการเปลี่ยนแปลง) และ 2Ls Learning Skill (ทักษะการเรียนรู้)
Leadership (ภาวะผู้นำ)
การจัดการเรียนการสอนของคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
โดยภาพรวมจะมีการจัดการเรียนการสอนในลักษณะการเรียนแบบทฤษฎีโดยอาจารย์บรรยาย
การเรียนแบบทฤษฎีและฝึกปฏิบัติ เป็นส่วนใหญ่
และเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st
Century Skill)
จึดได้มีการพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อให้เกิดทักษะแห่งการเรียนรู้โดยในรายวิชาได้มีการพัฒนา
รายวิชา ADS456 ปฏิบัติการผลิตสื่อโฆษณา(PRACTICE IN ADVERTISING
PRODUCTION) การฝึกปฏิบัติการคิดวิเคราะห์โจทย์ทางการตลาด
การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย การวางแผนงานโฆษณา
การสร้างสรรค์งานโฆษณาให้สอดคล้องกับโจทย์ปัญหาทางการตลาด
และถูกต้องตามจรรยาบรรณในวิชาชีพ
การผลิตงานโฆษณาตามกระบวนการวางแผนสื่อโฆษณาด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟฟิก
การโฆษณาทางสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุกระจายเสียง และภาพยนตร์โฆษณา
การนำเสนองานขายผลงานโฆษณาอย่างมืออาชีพ
![]() |
ภาพที่ 1 การเรียนการสอนกับการสร้างแรงจูงใจในการสร้างศักยภาพในการประกวด |
พัฒนาการเรียนการสอนโดยการออกแบบการเรียนการสอนจากเดิมทฤษฎีเพียงอย่างเดียว
หรือทฤษฎีและปฎิบัติ
ออกแบบรายวิชาเพื่อให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติอย่างจริงจังตามกระบวนการในสายวิชาชีพ
โดยอาจารย์ออกแบบการเรียนการสอน จำนวน 6 ชั่วโมงออกแบบกิจกรรม เรียนแบบ
Active Learning เพื่อให้มีเวลาเพียงพอต่อการฝึกวางแผนเพื่อฝึกปฏิบัติ
จากนั้นกำหนดนักศึกษาผู้ที่เรียนรายวิชานี้ต้องเรียนในชั้นปีที่ 3 เทอม 2
เพื่อนำความรู้มาใช้ในภาคปฎิบัติ
โดยมีการให้นักศึกษาเลือกเรียนเป็นรายวิชาเอกเลือก
เป็นสมัครเข้าสัมภาษณ์เพื่อเข้าเรียน ในลักษณะของรายวิชาเอกเลือก
ผู้เรียนสามารถที่จะเลือกเรียนรายวิชาที่มีความสนใจในการเรียนเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้เรียนได้
ปกติโดยส่วนใหญ่ของผู้เรียนจะเลือกเรียนในรายวิชาที่ไม่ซับซ้อนและใช้เวลาไม่มากในการเรียน
แต่การเรียนในรายวิชา ADS456 การปฏิบัติการโฆษณา
เป็นรายวิชาที่ใช้เวลาในการปฏิบัตินานกว่าปกติที่เรียน
เมื่อเทียบกับรายวิชาเอกเลือกต่างๆ
เป้าหมายของการเรียน ADS456 ผลิตสื่อจำนวน 3 ชิ้น
เรียนฝึกทักษะผ่านการเรียนโดยการลงมือปฏิบัติ (Learning by Doing)
เพื่อใช้สำหรับการวัดประเมินผล ให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง
โดยออกแบบเพื่อให้นักศึกษาได้แก้ไขปัญหาจากโจทย์ในการเรียนรู้แบบ PBL
(Problem Based
Learning)ของผู้เรียนโดยใช้โจทย์จริงที่อยู่ในสายวิชาชีพเพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์แก้ไขปัญหาและทางออกที่ดีที่สุดจากโจทย์ที่ได้รับ
รวมถึงการสร้างแรงจูงใฝ่เรียนรู้ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์
โดยสร้างแรงจูงใจให้นักศึกษามีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่น
มีความอดทนที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาตลอดรายวิชาที่เรียนทั้งผู้เรียนและผู้สอน
กระบวนการเรียนรู้
- กำหนดวัตถุประสงค์ ในการเรียนเพื่อพัฒนานักศึกษา ภายใต้โจทย์ กรณีศึกษาจริง เพื่อให้นักศึกษาเรียนรู้จากโจทย์จริงโดยให้ผู้เรียนเลือกโจทย์ในการทำจาก 5 โจทย์เลือก 2 โจทย์ในการฝึกปฏิบัติแบบทีม และ 1โจทย์แบบคนเดียว เป้าหมายของการเรียนเพื่อให้นักศึกษา”ผลิตผลงานอย่างมืออาชีพ”โดยให้นักศึกษาที่เรียนเปรียบเสมือน Sim Agency ในการรับโจทย์ซึ่งโจทย์ที่ให้นักศึกษาทำเป็นโจทย์ที่ประกวดจริง ซึ่งอาจารย์ผู้สอนต้องคัดเลือกในช่วงระยะเวลาที่นักศึกษาเรียน
- นักศึกษาแบ่งทีมเพื่อให้นักศึกษาเกิดการแข่งขันในการทำงานเดียวกัน
ภายใต้ Sim Agency เดียวกัน ตามกระบวนการโดยให้นักศึกษาแบ่งความถนัด 2 แบบ
คือ
2.1 ความถนัดที่นักศึกษาถนัด และสิ่งที่นักศึกษาสนใจ โดยให้นักศึกษาที่มีความถนัดทำชิ้นที่ 2.2 สิ่งที่นักศึกษาสนใจทำชิ้นที่ 2 เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากสิ่งที่ผลิตในชิ้นที่ 2 ว่านักศึกษาค้นพบความสามารถหรือไม่
- ให้นักศึกษาออกแบบการเรียนในแต่ละสัปดาห์ กับโจทย์ที่นักศึกษาต้องฝึกปฏิบัติตามกระบวนการ เพื่อให้นักศึกษาได้วางแผนกระบวนการคิด กระบวนการทำงาน การแบ่งกลุ่มในการผลิตผลงาน การผลิตผลงานให้สอดคล้องกับความเป็นจริงในเวลาที่โจทย์กำหนด
หมายเหตุ โดยให้ทีมแต่ละทีม ประชุมกันเพื่อวางแผนในกระบวนการคิด
กระบวนการขายความคิด กระบวนการ Pre-Production กระบวนการผลิต
กระบวนการหลังการผลิต และ กระบวนการนำเสนอผลงาน
- ในกระบวนการเรียน จำนวน 6 ชั่วโมง กำหนดให้นักศึกษามีความรับผิดชอบตรงเวลาในการฝึกปฏิบัติ มีกฏที่ชัดเจนในเรื่องการตรงต่อเวลา ถ้านักศึกษาสายจะถูกตัดเงิน เก็บเงินกองกลาง เมื่อสิ้นเทอมจะนำเงินค่าปรับมาทานขนมร่วมกัน การแต่งกายให้นัก ศึกษาแต่งกายตามสายงานที่นักศึกษาเลือกเพื่อฝึกบุคคลิกภาพ
- ในการนำเสนอขายไอเดีย จะให้นักศึกษาแต่ละทีมนำเสนอโดยแบ่งสาย 5 ทีมใน Sim Agency นำเสนอไอเดียพร้อมให้เพื่อนในทีมอื่นๆฟังเพื่อร่วมกันพัฒนาไอเดีย ในช่วงของกระบวนการนำเสนอจะมีช่วงการฟันไอเดีย โดยนำไอเดียหรือสิ่งที่ดีกว่าเข้ามาแทนที่เพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุด
![]() |
ภาพที่ 2 การนำเสนอแนวคิดจากโจทย์จริง บริษัท Isobar |
6. หลังจากนั้นให้ทีมแต่ละทีม เตรียมวางแผนในการผลิต นักแสดง สถานที่ถ่ายทำ อุปกรณ์ในการผลิตและหลังการผลิต
![]() |
ภาพที่ 3 การประชุมทีมนอกห้องเรียน |
![]() |
ภาพที่ 4 ภาพการออกกองผลิตงานโฆษณา |
![]() |
ภาพที่ 5 ประมวลภาพการถ่ายทำ |
การสร้างแรงจูงใจในการสร้างศักยภาพ
แรงจูงใจมีส่วนสำคัญทำให้เกิดการเรียนรู้
และการกระตุ้นให้มีแรงจูงใจจะทำให้การเรียนรู้ได้ผลดี
โดยมีการสอนอยู่บนฐานของการให้ความสำคัญกับผู้เรียนในการเรียนรู้กฤษมันต์ กล่าวว่า แรงจูงใจภายใน (Internal Motivation)
เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นจากแรงกระตุ้นในตนเอง (Intrinsic)
และถ้าแสดงออกเป็นการกระทำก็จะเป็นการกระทำที่สนองความต้องการและความปราถนาที่มีอยู่ในตัวตน
โดยอาศัยการพูดคุยกับนักศึกษาที่เรียนเพื่อให้เข้าใจกับรายวิชาเอกเลือก
เพื่อให้นักศึกษาตัดสินใจเลือกอีกครั้งโดยนักศึกษาเลือกเรียนแบบเต็มใจแรงจูงใจภายนอก
(External Motivation) เช่น ค่านิยมในสาขาวิชาที่เรียน
รางวัลและเกียรติยศที่ได้จากการเรียนแรงจูงใจเรียนรู้ หรือ แรงจูงใฝ่สัมฤทธิ์
นั้นมีความเกี่ยวข้องกับความปราถนาของนักศึกษาที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการของการเรียนรู้เพื่อบรรลุหรือสัมฤทธิ์ผลตามความปราถนา
การศึกษาระดับอุดมศึกษานี้ไม่ใช่เป็นการศึกษาภาคบังคับ
และนักศึกษาก็มีเหตุผลของความปราถนาอยู่ภายใต้การให้ความสนใจหรือการไม่สนใจในกระบวนการเรียนรู้และเหตุผลนั้นเป็นมูลฐานของแรงจูงใจเรียนรู้ของนักศึกษา
สิ่งที่ควรให้ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ แรงจูงใจเรียนนรู้นั้น
นักศึกษาจะแสดงออกมาให้เห็นได้จากความตั้งใจ ความมุ่งมั่น
ความอดทนที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการของการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและมีระยะเวลานาน
การเรียนรู้จะเกิดขึ้นเมื่ออาจารย์ผู้ที่เป็นผู้สอนคาดหวังจะให้นักศึกษาที่เป็นผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้
นักศึกษาก็จะเกิดการเรียนรู้ได้เช่นกัน
และนักศึกษาจะมีแรงจูงใจในการเรียนรู้ถ้าพวกเขามีความศรัทธาในตัวอาจารย์
โดยในการเรียนการสอนในรายวิชานี้มีปัจจัยในการสร้างแรงจูงใจเรียนรู้ ดังนี้
อาจารย์ผู้สอน สร้างแรงจูงใจในการเรียน จึงได้นำตัวอย่างของรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จมาเป็นต้นแบบจากกระบวนการเรียน
A-Class เพื่อให้นักศึกษา
กำหนดเป้าหมายโดยกำหนดให้สูงเพื่อให้นักศึกษาพยามยามไปให้ถึงเป้าหมาย
ให้นักศึกษาคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนพร้อมอธิบายวิธีการในการผลิตเพื่อให้ถึงเป้าหมาย
อย่างมีเหตุและมีผลในการผลิตผลงาน
อาจารย์ผู้สอนจะเป็นการเป็นที่ปรึกษาควบคุม Sim Agency และ
พัฒนาไอเดียในภาพรวมแบบมหภาค คือการให้คำปรึกษาในทุกๆทีม
และให้ทุกทีมสามารถเข้าใจการทำงานในแต่ละทีมเพื่อนำข้อดีข้อเสีย
มาพัฒนาทีมให้ดียิ่งขึ้น เข้าใจเหตุและผลของที่มาของความคิด ดูแลนักศึกษาทุกทีมเพื่อให้นักศึกษาสามารถพัฒนาผลงานได้ตามการวางแผนในแต่ละสัปดาห์
รวมทั้งให้ทีมในแต่ละทีมนำเสนอไอเดียในงานขอทีมตัวเอง
เพื่อให้เพื่อนๆทีมอื่น เสนอแนะโดยสร้างสรรค์เป็นการฝึกนักศึกษาในการฟัง
การเสนอแนะและการยอมรับความคิดของบุคคลอื่นเพื่อนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับชิ้นงานของที่ตัวเอง
ซึ่งผู้เรียนทุกทีมจะทราบแนวคิดของเพื่อนๆ
ถือว่าเป็นการกระตุ้นให้ทีมต่างๆ
เร่งพัฒนาผลงานและการแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อให้ได้แนวคิดที่ดีที่สุดในการผลิตชิ้นงานที่มีคุณภาพที่สุด
ในส่วนของการเตรียมการผลิตผู้เรียนจะวางแผนและเตรียมงานแบบมืออาชีพในกระบวนการเตรียมจึงถือเป็นส่วนสำคัญซึ่งผู้เรียนจะต้องนำเสนอให้ผ่านทุกกระบวนการ
เช่น เสื้อ/ผ้า หน้า/ผม สถานที่ถ่ายทำ การกำหนดมุมภาพ นักแสดงกับการแสดง
การจัดแสง จะต้องสอดคล้องกับแนวคิดที่นำเสนอแต่ละกลุ่ม การจัดเตรียมอุปกรณ์ในการผลิตจะมีการวางตัวผู้เรียนที่มีความสนใจในการผลิต
และแต่ละทีมจะฝึกการใช้อุปกรณ์พร้อมถ่ายเทความรู้ที่ถนัด
วิธีลัดให้กับทีมอื่นๆ
เพื่อพัฒนาข้อดีในการทำงานแต่ละทีมที่ไม่เหมือนกันเพื่อให้นักศึกษาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
การสร้างแรงจูงใจแบบจุลภาค
โดยให้คำปรึกษาแยกแต่ละทีมเพื่อแก้ไขปัญหาแต่ละทีมจากการนำเสนอภาพรวม
และรายบุคคลในทีม
เพื่อลดปัญหาในตัวของนักศึกษาแต่ละคนในระยะยาวของการเรียนในรายวิชา
วิธีการกระตุ้นแบบจุลภาค คือ การนำความคืบหน้าของทีมอื่นๆ ในการวางแผนต่างๆ
มาให้เพื่อกระตุ้นให้แต่ละทีมพัฒนาได้ดีขึ้น ทุกทีมจะไม่เห็นความคืบหน้าในช่วงการผลิตแต่จะทราบจุดเด่นของทุกๆทีมในการผลิตเพื่อพัฒนา
โดยใช้เวลาในการเตรียมผลิต
หรือช่วงก่อนผลิตที่ทีมต่างๆได้ผลิตก่อนนำมาแก้ไข
เมื่อเสร็จทุกกลุ่มจะมีการสรุปการผลิตผลงานเพื่อเป็นแนวทางในการทำงานครั้งต่อไปโดยองค์รวม
ในส่วนอาจารย์ผู้สอนต้องรับฟังผู้เรียนในแบบมหภาคและจุลภาค
พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาและกระตุ้นให้ผู้เรียนมีขวัญและกำลังใจในการผลิตผลงานที่มีคุณภาพ
โดยส่วนใหญ่ผู้สอนใช้การกระตุ้นในแบบจุลภาคเพื่อสร้างแรงขับให้ผู้เรียนมากกว่ามหภาค
เนื่องจากนักศึกษาแต่ละคนแต่ละทีมมีความแตกต่างในด้านแรงสัมฤทธิ์
รวมถึงปัจจัยภายนอกที่แตกต่างกัน
สร้างสิ่งแวดล้อมในการเรียน คือ
การจัดสภาพบรรยากาศของห้องเรียนเพื่อให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้และพัฒนาผลงาน
ในการเรียนใช้ห้องในการปรับเปลี่ยนการจัดเก้าอี้เพื่อให้เหมาะกับการทำงานแบบประชุมใหญ่
และสามารถจัดกระจายเป็นทีมเพื่อใช้ในการประชุมย่อย
พร้อมอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ ใช้เทคโนโลยี Facebook กลุ่ม
การใช้ Messager เข้ามามีส่วนร่วมในการสื่อสาร
เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ในการสื่อสาร ติดตาม แบบมหาภาคและจุลภาค
เพื่อให้นักศึกษารายงานในเวลาและนอกเวลาเรียน ติดตาม รายงานผลต่อวัน
ต่อการปฏิบัติการผลิตต่างๆ เพื่อกระตุ้นทุกทีม ทุกคน
รวมทั้งอาจารย์ผู้สอนที่ต้องควบคุม เตรียมสอน แก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น
คณะนิเทศศาสตร์
ส่งเสริมนักศึกษาในเรื่องอุปกรณ์การฝึกปฏิบัติ
การใช้ห้องปฏิบัติการที่ส่งเสริมการเรียนรู้อย่างจริงจัง
การออกไปรับโจทย์จริงคณะนิเทศศาสตร์จะทำเรื่องรถเดินทางไปหน่วยงาน
การออกจดหมายลาเรียนเพื่อลดความกังวลใจในการกระมบการเรียนกับรายวิชาอื่นๆ
รวมทั้งอาจารย์ผู้สอนติดต่ออาจารย์ที่นักศึกษาไม่ได้เขียนเพื่อปรึกษาและวิธีการแก้ไข
เช่น นั่งเรียนกับกลุ่มเรียนอื่น เรียนออนไลน์ E-Learning หรือ
การส่งงานย้อนหลัง
ในกรณีฝึกปฏิบัติมีการเปิดห้องปฏิบัติการให้นักศึกษาทำทั้งวันทั้งคืน
เพื่อให้นักศึกษาปฏิบัติงานได้ทันตามโจทย์ที่กำหนด
โดยส่งเสริมนักศึกษาอย่างแท้จริง เพื่อให้นักศึกษาทำงานได้อย่างเต็มที่
ผลที่ได้รับ
1. ผู้เรียนการสอน ADS456 ปฏิบัติการผลิตสื่อโฆษณา
สามารถผลักดันนักศึกษาที่ค้นพบศักยภาพของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น
มีการทุ่มเทในการคิด เตรียมผลงาน
ผลิตผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจากโจทย์ที่นักศึกษาได้เลือกทำ
และได้รับรางวัลจากโจทย์ที่นักศึกษาเลือกทำ
![]() |
ภาพที่ 6 ภาพหมู่ในโครงการประกวด “Close Up ยิ่งใกล้ยิ่งมั่นใจ” ทุนการศึกษา 100,000 บาท |
![]() |
ภาพที่ 7 ภาพหมู่ในโครงการประกวด “นักผลิตสื่อสร้างเสริมสุขภาวะสร้างแรงบันดาลใจ” |
2. ผู้เรียนมีประสบการณ์การทำงานร่วมกันเป็นทีม มีกระบวนการทำงานตามกระบวนการอย่างเป็นระบบ และสามารถให้เหตุผลในการทำ
3.
ผู้เรียนเมื่อเรียนผ่านรายวิชานี้สามารถมีชุดความคิดในการทำงานเป็นทีมและนำโจทย์อื่นๆ
มาพัฒนาและได้ผลลัพท์ที่ดีในการทำงาน เช่น
นักศึกษาส่งผลงานต่อและได้รับรางวัลจากการประกวด
![]() |
ภาพที่ 8 ภาพรับรางวัล การแข่งขันการออกแบบโปสเตอร์และสื่อมัลติมีเดียกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสาร” |
ข้อเสนอแนะ
รายวิชาฝึกปฏิบัติเป็นรายวิชาที่ควรให้คำปรึกษาและหาแนวทางในการแก้ไขให้นักศึกษา
เพื่อให้นักศึกษาผลิตผลงานได้ดีที่สุด ภายใต้โจทย์ที่นักศึกษาเลือกทำรายวิชาภาคทฤษฎี หรือ ภาคปฏิบัติสามารถใช้โจทย์จริงจากหน่วยงาน
หรือการประกวดเพื่อให้นักศึกษาเกิดการท้าทายจากโจทย์ ปัจจัยภายนอก
ให้เกิดแรงจูงใจจากภายใน
และภายนอกที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาผลงานจากผลงานนักศึกษาสู่ผลงานมืออาชีพ
รวมถึงแรงจูงใจจากการเรียน
และรางวัลที่ได้รับจากการแข่งขันซึ่งถือเป็นผลตอบรับจากการทำงานการเรียนการสอนกับการสร้างแรงจูงใจในการสร้างศักยภาพสู่มืออาชีพ
ต้องเป็นโค้ชที่คอยเคียงข้าง
ช่วยนักศึกษาเพื่อพัฒนาผลงงานในทุกๆด้านที่สามารถส่งเสริมนักศึกษา
เรียนรู้กับผู้เรียนและสามารถกำกับผู้เรียนให้เป็นไปในแนวทางที่ตั้งไว้ตามโจทย์ที่นักศึกษาเลือก
รายการอ้างอิง
กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์. (2552). เทคนิคการสร้างแรงจูงใจเรียนรู้. เอกสารประกอบการบรรยายให้กับคณาจารย์ หมวดวิชาศึกษาทั่วไป. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
วิจารณ์ พานิช. (2556). การสร้างการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ ๒๑.กรุงเทพฯ:มูลนิธิสยามกัมมาจล.
อาจารย์ธีระพันธ์ ชนาพรรณ
หัวหน้าสาขาวิชาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล
คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ไม่มีความคิดเห็น