การใช้เครือข่ายสังคมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยโครงงาน
“คน” เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการพัฒนาประเทศเพื่อมุ่งสู่ Thailand
4.0 “การปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้ มุ่งพัฒนาทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์
จึงจำเป็นสำหรับการสร้าง “คนไทยยุค 4.0” ที่มีความรู้ ความสามารถ
และมีทักษะเพื่อสร้างนวัตกรรม” (กองบริหารงานวิจัยและประกันคุณภาพการศึกษา,
2560) สถาบันการศึกษาจึงมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างคนไทยยุค 4.0
ด้วยการจัดการเรียนการสอนภายใต้กรอบการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง สร้างการมีส่วนร่วมของผู้เรียน
ผ่านกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่ทำให้ผู้เรียนสามารถบูรณาการความคิดสร้างสรรค์เป็นองค์ความรู้ใหม่ได้
“การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
คือรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
(Student-centered) มีกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลาย
เพื่อกระตุ้นและจูงใจให้ผู้เรียนเกิดความสนใจใฝ่เรียนรู้
ด้วยการลงมือปฏิบัติ ทำให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะทางการคิดวิเคราะห์
สังเคราะห์และบูรณาการเพื่อหาข้อสรุป” (ณัฐธยาน์ ตรีผลา, 2558 , น.33)
ผู้เรียนจึงได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกันผู้เรียนจะได้รับการบ่มเพาะนิสัยการเรียนรู้เพื่อเติมเต็มและแบ่งปันซึ่งกันและกัน
หนึ่งในรูปแบบของการเรียนรู้เชิงรุกที่นิยมคือ การเรียนรู้ด้วยโครงงาน
(Project-Based Learning)
การเรียนรู้ด้วยโครงงาน (Project-based Learning)
เป็นการเรียนรู้เชิงรุกรูปแบบหนึ่ง ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
(Student-centered)
โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากบริบทจริงผ่านโครงงาน
ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจและสอดคล้องกับความสามารถ
ได้ฝึกทักษะการค้นคว้าหาความรู้ ได้ลงมือปฏิบัติผ่านกระบวนการกลุ่ม
เพื่อนำมาสรุปเป็นความรู้ใหม่และมีผลที่เป็นรูปธรรม
ผู้สอนจึงทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำ
และสร้างแรงกระตุ้นเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ
กล่าวได้ว่าการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นหนึ่งในรูปแบบของการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่
21 ที่สนับสนุนให้มีกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นการเรียนบนข้อเท็จจริง
โดยช่วยพัฒนาทักษะของผู้เรียนด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม
ทักษะด้านสารสนเทศและสื่อเทคโนโลยี และทักษะด้านชีวิตและอาชีพ
ซึ่งสามารถแสดงกลยุทธ์ของการเรียนรู้แบบโครงงานได้ดังรูปที่ 1
![]() |
รูปที่ 1 กลยุทธ์การเรียนรู้ผ่านโครงงาน ที่มา : วัชรินทร์ โพธิ์เงิน , พรจิต ประทุมสุวรรณ และ สันติ หุตะมาน, 2559. (ออนไลน์) http://www.fte.kmutnb.ac.th/km/project-based%20learning.pdf |
e-Learning
เป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการถ่ายทอดเนื้อหาบทเรียน
ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยลดข้อจำกัดในเรื่องของเวลาและสถานที่เรียน ซึ่ง e-Learning
สามารถเรียกในชื่ออื่นได้ เช่น การเรียนทางไกล (Distance Learning)
การฝึกอบรมโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ (Computer based training)
และการเรียนทางอินเทอร์เน็ต (online Learning) เป็นต้น การถ่ายทอดเนื้อหาบทเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพของ e-Learning
ขึ้นกับประสิทธิภาพของระบบการจัดการเรียนรู้ (Learning Management System :
LMS)
ที่ทำให้เนื้อหาการเรียนรู้และการจัดการความรู้มีความน่าสนใจและตอบสนองความต้องการของผู้เรียนได้
ซึ่งสามารถแสดงความสัมพันธ์ของการเรียนรู้และการจัดการความรู้กับ
e-Learning ได้ดังรูปที่ 2
![]() |
รูปที่ 2 ความสัมพันธ์ระหว่างการเรียนรู้และการจัดการความรู้กับ e-Learning ที่มา : Netthailand. 2560. (ออนไลน์) http://www.netthailand.com/home/articles.php?art_id=12 |
แม้ e-Learning จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอน
แต่ผู้สอนยังคงเผชิญกับความท้าทายที่สืบเนื่องจากพฤติกรรมของผู้เรียนที่เป็นคน
Gen Y และ Gen Z
เพราะผู้เรียนในสองรุ่นนี้ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันอยู่บนเครือข่ายทางสังคม
(Social Network) ไม่ว่าจะเป็น Facebook , WordPress , Blog , Youtube
หรือ Twitter เครือข่ายทางสังคมจะเป็นสื่อกลางในการแสดงความคิดเห็น
ดังนั้นหากผู้สอนนำเครือข่ายทางสังคมมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม
ย่อมทำให้ผู้สอนมีเครื่องมือในแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างการมีส่วนร่วม
ช่วยลดข้อจำกัดด้านสถานที่และเวลา ช่วยลดช่องว่างระหว่างผู้สอนและผู้เรียน
สามารถตรวจสอบและติดตามผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้เครือข่ายทางสังคมจะช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์นอกห้องเรียนระหว่างผู้สอนและผู้เรียนได้แบบ
Real Time
ซึ่งมีผลต่อการส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างผู้สอนและผู้เรียนได้อีกด้วย
กล่าวได้ว่า
”เครือข่ายทางสังคมเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอน
เสริมสร้างความรู้ และช่วยพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21
ของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี” (ภาสกร เรืองรองและคณะ. 2556)
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ได้ผลักดันและส่งเสริมให้คณาจารย์ปรับปรุงและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามแนวทางการศึกษาในศตวรรษที่
21
ด้วยการสนับสนุนทั้งในด้านการอบรมเพื่อเพิ่มพูนองค์ความรู้และด้านเครื่องมือ
อุปกรณ์และสื่อเพื่อการจัดการเรียนการสอน อาทิ e-learning และ e-book
รวมทั้งการสนับสนุนให้มีการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนภายใต้โครงการ The
Teacher Project 2 ในรายวิชา
โดยผู้สอนได้เลือกปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชา MGT345
การเป็นผู้ประกอบการและการสร้างธุรกิจใหม่
บนพื้นฐานแนวคิดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
ผ่านการเรียนรู้ด้วยโครงงาน (Project-based Learning)
โดยอาศัยเครือข่ายทางสังคม (Social Network)
ซึ่งสามารถสรุปสาระสำคัญในการของการจัดการเรียนการสอนได้ดังนี้
- การจัดทำ มคอ.03
เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนในรายวิชา MGT345
การเป็นผู้ประกอบการและการสร้างธุรกิจใหม่
ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ที่มีผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
(Student-centered) ผู้สอนได้ให้ความสำคัญกับการสร้างเนื้อหารายวิชา
(Content) ที่สอดคล้องกับ มคอ.02 ดังนั้นผู้สอนจึงได้มีการปรับ มคอ.03
ให้มีความละเอียด ครบถ้วนและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ซึ่งหมวดที่มีการปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัดเจนได้แก่ หมวดที่ 4 หมวดที่ 5
และหมวดที่ 7 โดยในหมวดที่ 4 การพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษา
ผู้สอนได้อธิบายอย่างชัดเจนถึงจุดมุ่งหมายในการพัฒนา
วิธีการจัดการเรียนการสอนและวิธีการประเมินผล ซึ่งสามารถแสดงได้ดังรูปที่ 3
![]() |
รูปที่ 3 มคอ.03 วิชา MGT345 หมวดการพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษา |
ใน มคอ.03 หมวดแผนการสอนและการประเมินผล
ผู้สอนได้ปรับปรุงหัวข้อการสอนให้สอดคล้องและครอบคลุมกับคำอธิบายรายวิชาที่ระบุไว้ใน
มคอ.02
มีการค้นคว้าข้อมูลในปัจจุบันเพิ่มเติมเพื่อนำมาปรับหัวข้อการสอนให้มีความทันสมัย
โดยผู้สอนได้อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อที่สอน
กิจกรรมการเรียนการสอนและสื่อที่ใช้
อันจะทำให้ผู้สอนสามารถทบทวนได้ว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและสื่อที่ใช้ของการเรียนในแต่ละหัวข้อ
มีความเหมาะสม สอดคล้องกันหรือไม่
และได้นำรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลายตามแนวทางการเรียนรู้เชิงรุกมาใช้หรือไม่
สามารถแสดงได้ดังรูปที่ 4
![]() |
รูปที่ 4 มคอ.03 หมวดหัวข้อการสอน กิจกรรมการเรียนการสอนและสื่อที่ใช้ |
นอกจากนี้ผู้สอนยังได้ปรับปรุงมคอ.03 ในหมวดที่ 7
การประเมินการปรับปรุงและการดำเนินการของรายวิชา
ที่ผู้สอนได้มีการอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการทวนสอบมาตรฐานผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษา
ที่ผู้สอนได้ใช้วิธีการที่หลากหลายเพื่อทวนผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษา เช่น
การทดสอบย่อยในระบบ e-Learning การนำเสนอผลงานของนักศึกษาผ่านกิจกรรมกลุ่ม
ผลสัมฤทธิ์ของการจัดทำโครงงานธุรกิจ และ ต้นแบบผลิตภัณฑ์ (Product
Prototype) ซึ่งสามารถแสดงได้ดังรูปที่ 5
![]() |
รูปที่ 5 มคอ.03 หมวดที่ 7 การประเมินการปรับปรุงและการดำเนินการของรายวิชา |
- การพัฒนา e-Learning
e-Learning เป็น
เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้และการจัดการความรู้
ที่สอดคล้องกับยุค IoT
โดยอาศัยระบบอินเทอร์เน็ตในการถ่ายทอดเนื้อหาบทเรียน
ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
ลดข้อจำกัดในเรื่องของเวลาและสถานที่เรียน ความท้าทายอย่างหนึ่งของ
e-Learning คือการสร้างบทเรียนให้มีความน่าสนใจ
และง่ายต่อการเข้ามาใช้งานในระบบของผู้เรียน ดังนั้นผู้สอนควรทำหน้าปก
e-Learning ให้สะท้อนถึงภาพรวมของรายวิชา บอกรายละเอียดที่จำเป็น เช่น
รหัสวิชา ชื่อผู้สอน และภาคเรียน ซึ่งแสดงได้ดังรูปที่ 6
![]() |
รูปที่ 6 หน้าปกรายวิชา MGT345 ใน e-learning ที่มา : SPU e-Learning วิชา MGT345. ออนไลน์ http://elearning.spu.ac.th/course/view.php?id=34782 |
ผู้สอนควรสร้าง e-Learning ให้ผู้เรียนได้รับรายละเอียดของวิชา
ความรู้และการทดสอบผลการเรียนรู้ที่เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับการเรียนในห้องเรียน
ดังนั้นผู้สอนควรมีการแนะนำรายวิชา
เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ตรงกันกับผู้เรียน
เกี่ยวกับขอบเขตเนื้อหาของรายวิชา เอกสาประกอบการสอนที่ใช้
วิธีการวัดและประเมินผล ซึ่งสามารถแสดงได้ดังรูปที่ 7
![]() |
รูปที่ 7 การแนะนำรายวิชา ที่มา : SPU e-Learning วิชา MGT345. ออนไลน์ http://elearning.spu.ac.th/course/view.php?id=34782 |
![]() |
รูปที่ 8 หัวข้อการเรียน ที่มา : SPU e-Learning วิชา MGT345. (ออนไลน์) http://elearning.spu.ac.th/course/view.php?id=34782 |
นอกจากนี้ในแต่ละหัวข้อการเรียน ผู้สอนสามารถสร้างปุ่มลัด
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงเอกสารประกอบการสอน
การสร้างลิงค์ไปยังเว็บไซด์ต่าง ๆ หรือ วิดีโอบันทึกการเรียนการสอน
(Camtasia) ปุ่มช่วยเตือนความจำเรื่องการทำแบบทดสอบย่อย
รวมไปถึงการทำอินโฟกราฟฟิก (Infographic)
เพื่อสรุปสาระสำคัญของการเรียนรู้แต่ละครั้ง จะช่วยทำให้ผู้เรียน ที่จะใช้
e-Learning เพื่อทบทวนเนื้อหาบทเรียนมากขึ้น ซึ่งสามารถแสดงได้ในรูปที่ 9
![]() |
รูปที่ 9 ปุ่มลัดต่าง ๆ และ อินโฟกราฟฟิก (Infographic) สรุปเนื้อหา ที่มา : SPU e-Learning วิชา MGT345. (ออนไลน์) http://elearning.spu.ac.th/course/view.php?id=34782 |
- Project-based Learning
การเรียนรู้ด้วยโครงงาน (Project-based Learning)
เป็นรูปแบบหนึ่งของการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
ซึ่งผู้สอนได้นำมาใช้เพื่อจัดการเรียนการสอนในรายวิชา MGT345
การเป็นผู้ประกอบการและการสร้างธุรกิจใหม่
เนื่องจากผู้สอนต้องการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ที่มีผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
(Student-centered) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากบริบททางธุรกิจจริง
ที่เป็นการพัฒนาทักษะทางการคิด วิเคราะห์
สังเคราะห์และการบูรณาการความรู้ทั้งจากการเรียนในห้องเรียนและความรู้บนโลกออนไลน์
เพื่อมานำเสนอ แนวคิดธุรกิจ (Business Idea)
ที่สามารถผลิตมาเป็นสินค้าได้จริง ดังนั้นในช่วงสุดท้ายของการเรียน
ผู้เรียนจะต้องนำต้นแบบผลิตภัณฑ์ (Product Prototype)
มานำเสนอต่อผู้เรียนคนอื่นและผู้สอน
ในภาคการศึกษานี้ผู้สอนได้กำหนดโจทย์เพื่อการนำเสนอโครงงานธุรกิจของผู้เรียน
คือ ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงวัย
โดยอิงจากบริบทที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ
ซึ่งผู้เรียนจะต้องสืบค้นข้อมูลใช้อ้างอิงสำหรับการนำเสนอแนวคิดธุรกิจ
(Business Idea) การเขียนโครงงานธุรกิจ (Business Project)
และการผลิตต้นแบบผลิตภัณฑ์ (Product Prototype)
ซึ่งผู้สอนจะทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำ
ชี้แนะเพื่อให้ผู้เรียนได้นำข้อมูลเหล่านี้กลับไปปรับปรุงโครงงานและผลิตภัณฑ์ให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด
ซึ่งผู้เรียนจะต้องมานำเสนอความก้าวหน้าในการจัดทำโครงงานต่อผู้สอนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนเป็นระยะ
อันจะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน
และระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน ซึ่งมีผลต่อการสร้างบรรยากาศในการเรียน
ซึ่งสามารถแสดง ตัวอย่างต้นแบบผลิตภัณฑ์ (Product Prototype) ของผู้เรียน
ได้ดังรูปที่ 10
![]() |
รูปที่ 10 ตัวอย่าง Product Prototype ที่มา : Facebook Group วิชา MGT345. (ออนไลน์) https://www.facebook.com/#!/groups/528307300691182/?fref=ts |
- การใช้ Social Network เพื่อการจัดการเรียนการสอน
เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้เรียนและความก้าวหน้าในยุค IoT
ผู้สอนจึงได้ใช้เครือข่ายสังคม (Social Network)
มาเป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอน
เพราะนอกจากจะทำให้การสื่อสารระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนเป็นแบบ Real Time
แล้ว ยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจของการเรียนรู้ในรายวิชาได้เป็นอย่างดี
โดยผู้สอนเลือกใช้ Facebook โดยมีการสร้าง Facebook Group ขึ้นมา
Facebook Group
ทำให้ผู้สอนตรวจติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงงานของผู้เรียนสะดวกขึ้น
ขณะเดียวกันผู้เรียนก็สามารถรายงานผลการดำเนินโครงงานให้ผู้สอนทราบเป็นระยะ
นอกเหนือจากการมานำเสนอความก้าวหน้าของโครงงานต่อหน้าผู้สอน
ซึ่งการรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินโครงงานของผู้เรียน
จะส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยน เรียนรู้กันผ่านเทคโนโลยี โดยผู้สอนได้ใช้
Facebook Group เพื่อการจัดการเรียนการสอนในกิจกรรมต่าง ๆ ต่อไปนี้
– ใช้ Facebook Group สำหรับติดต่อสื่อสารกับผู้เรียน
เนื่องจาก การสื่อสารผ่าน Facebook จะช่วยเพิ่มสัมพันธภาพ
และช่วยลดข้อจำกัดของการสื่อสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียนในระบบ e-Learning
เพราะ Facebook ทำให้เกิดการสื่อสารแบบสองทางที่ Real Time
เนื่องจากมีระบบการแจ้งเตือนเมื่อมีข้อความใหม่
ผู้เรียนสามารถเข้าระบบเพื่อการสื่อสารไปยังผู้สอนได้ง่ายกว่า e-Learning
นอกจากนี้ Facebook
ยังเป็นช่องทางการสื่อสารผ่านเครือข่ายสังคมที่เป็นที่นิยมที่สุด
ทำให้การจัดการเรียนการสอนมีความสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้เรียนและทันสมัย
ดังรูปที่ 11
![]() |
รูปที่ 11 Facebook Group MGT345 ที่มา : Facebook Group วิชา MGT345. (ออนไลน์) https://www.facebook.com/#!/groups/528307300691182/?fref=ts |
– ให้นักศึกษา Live สด ผ่าน Facebook Group ทั้งในส่วนของการนำเสนอแนวคิดธุรกิจ
(Business Idea) การนำเสนอโครงงานธุรกิจ (Business Project)
และต้นแบบผลิตภัณฑ์ (Product Prototype) ของกลุ่ม
ทำให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียน
ผู้เรียนได้มีช่องทางในการแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์
และผู้เรียนได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน แสดงได้ดังรูปที่ 12
![]() |
รูปที่ 12 Live สด การนำเสนอต้นแบบผลิตภัณฑ์ (Product Prototype) ผ่าน Facebook Group ที่มา : Facebook Group วิชา MGT345. (ออนไลน์) https://www.facebook.com/#!/groups/528307300691182/?fref=ts |
![]() |
รูปที่ 13 การส่งงานและรายงานความก้าวหน้าโครงงานธุรกิจ (Business Project) ผ่าน Facebook Group ที่มา : Facebook Group วิชา MGT345. (ออนไลน์) https://www.facebook.com/#!/groups/528307300691182/?fref=ts |
– ใช้ Facebook เพื่อการถ่ายทอดสดการสอน ไปยังมหาวิทยาลัยศรีปทุม นอกที่ตั้งขอนแก่น โดยได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยและสำนักการจัดการศึกษาออนไลน์
(Office of Online Education :OOE)
ซึ่งช่วยทำให้การจัดการเรียนการสอนมีความทันสมัย น่าสนใจ
สนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้สอนกับผู้สอน ผู้เรียนกับผู้เรียน
และผู้สอนกับผู้เรียนของผู้สอนและผู้เรียนที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม
วิทยาเขตบางเขน และ มหาวิทยาลัยศรีปทุม นอกที่ตั้งขอนแก่น
สามารถแสดงได้ดังรูปที่ 14
![]() |
รูปที่ 14 การใช้ Facebook เพื่อถ่ายทอดสดการสอนไปยัง มหาวิทยาลัยศรีปทุม นอกที่ตั้งขอนแก่น |
จะเห็นได้ว่า Facebook Group
สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้หลากหลาย
ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเรียนรู้เชิงรุกให้มีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายทอดสดการสอนจากมหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตบางเขน
ไปยังมหาวิทยาลัยศรีปทุม นอกที่ตั้งขอนแก่น
เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่าการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
ภายใต้ยุค IoT นั้น เป็นการเรียนรู้ที่ไม่จำกัดขอบเขตและกลุ่มผู้เรียน
ผลจากการใช้ Facebook Group เพื่อจัดการเรียนการสอน พบว่า
ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้ Facebook Group
เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอน
เพราะทำให้เข้าถึงข้อมูลและผู้สอนได้สะดวก
รวมทั้งทำให้ผู้เรียนสามารถรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินโครงงานได้สะดวกขึ้น
ซึ่งแสดงผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้เรียนต่อการใช้ Facebook Group
ได้ดังรูปที่ 15
![]() |
รูปที่ 15 การสำรวจความคิดเห็นการใช้ Facebook Group เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอน |
ผลจากการเข้าร่วมโครงการ The Teacher Project 2
ทำให้ผู้สอนได้เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์การสอน
การพัฒนาการเขียน มคอ.03
ทักษะในการจัดการเรียนการสอนภายใต้แนวคิดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้การเรียนรู้ด้วยโครงงาน
และการใช้เครือข่ายสังคมเพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอน
ขณะที่ผู้เรียนได้ฝึกการสืบค้นข้อมูล วิเคราะห์
ประมวลผลและบูรณาการความรู้เพื่อนำเสนอแนวคิดธุรกิจ (Business Idea)
ทำให้มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจ (Startup)
ที่มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมคือต้นแบบผลิตภัณฑ์ (Product Prototype)
ของผู้เรียนแต่ละกลุ่ม ซึ่งสามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน
ผู้สอนกับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ได้ดังรูปที่ 16
![]() |
รูปที่ 16 ผู้เรียน ผู้สอน กับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 Student and Instructor in 21st Century Learning |
จากรูปที่ 16 อธิบายได้ว่าภายใต้กรอบการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (21ST
Century Learning) มีองค์ประกอบภายใน 2 ส่วนที่สำคัญคือ ผู้เรียนและผู้สอน
โดยผู้เรียนต้องเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้
ขณะที่ผู้สอนมีหน้าที่ในการวางแผนและจัดการเรียนการสอน
ให้สอดคล้องกับบริบทการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดย
- ผู้เรียน เป็นศูนย์กลางของการจัดการเรียนรู้ ที่ต้องได้รับการพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ได้แก่ ทักษะด้านการคิด (Conceptual Skills) ทักษะด้านการสื่อสาร (Communication Skills) ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Skills) และทักษะด้านความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม (Collaboration and Teamwork Skills)
- ผู้สอน ต้องสร้างสมดุลใน TeSP (T : TQF , E : e-learning , S : Social network , P : Project-based Learning) เพื่อใช้สำหรับวางแผนในการจัดการเรียนเชิงรุก โดยผู้สอนจะมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) และผู้ให้คำแนะนำ (Mentor) ไม่ว่าผู้สอนจะใช้วิธีการเรียนรู้เชิงรุกวิธีใด ผู้สอนควรเริ่มต้นจากมคอ.02 และ 03 (TQF02, 03) ที่จะช่วยผู้สอนในการมองภาพรวมของการจัดการเรียนการสอนและการประเมินผล อย่างไรก็ตามเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีบทบาทในการเรียนเพิ่มขึ้น การเรียนรู้ด้วยโครงงาน (Project-based Learning) จึงเป็นรูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกที่สนับสนุนให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะที่หลากหลายที่นำไปสู่การบูรณาการความรู้และการสร้างสรรค์นวัตกรรม
ทั้งสององค์ประกอบมีผลต่อความสำเร็จในการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
เพราะทำให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี และทักษะด้านชีวิตและอาชีพ
เพื่อเตรียมความพร้อมของผู้เรียนในทักษะด้านต่าง ๆ
ทึ่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ได้
ในขณะเดียวกันภายใต้การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
จะทำให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาเพื่อเป็น “คนไทยยุค 4.0”
ที่สามารถใช้สร้างสมดุลในการใช้ชีวิตและสรรค์สร้างนวัตกรรมได้
การใช้เครือข่ายสังคมส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยโครงงาน
จึงเป็นรูปแบบการเรียนเชิงรุกที่สอดคล้องกับการศึกษาและการพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่
21 เพราะผู้สอนได้ปรับบทบาทของตนเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) และ
ผู้ให้คำแนะนำ (Mentor) มีหน้าที่ในการสร้างเนื้อหา กิจกรรม
สื่อและเทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอนให้สร้างสรรค์และสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้เรียน
ขณะที่ผู้เรียนจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นในการเรียน
ได้รับการพัฒนาทักษะทางการคิด
สามารถเชื่อมโยงและบูรณาการความรู้ทั้งจากในห้องเรียนจากผู้สอนและจากเครือข่ายออนไลน์ได้อย่างเป็นระบบ
ผู้เรียนได้เรียนรู้ที่จะแบ่งปันความรู้กับผู้อื่น
และสามารถเรียนรู้โดยไม่สิ้นสุด ไม่จำกัดเวลา สถานที่
จากกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลาย
ทำให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทักษะที่จำเป็น อาทิ ทักษะการคิด
ทักษะการสื่อสาร ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และทักษะการทำงานเป็นทีม
ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นเพื่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมของ “คนไทยยุค 4.0”
อันจะทำให้สังคม ชุมชนและประเทศชาติ เติบโตได้อย่างมั่งคั่ง
มั่นคงและยั่งยืน
รายการอ้างอิง
กองบริหารงานวิจัยและประกันคุณภาพการศึกษา, พิมพ์เขียว Thailand 4.0 โมเดลขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่งคั่ง มั่นคงและยั่งยืน. (ออนไลน์ )เข้าถึงเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2560. http://www.libarts.up.ac.th/v2/img/Thailand-4.0.pdf
ณัฐธยาน์ ตรีผลา. 2558. ความพึงพอใจของนักศึกษาวิชา MGT351 พฤติกรรมองค์การ และการพัฒนาองค์การที่มีต่อการเรียนรู้เชิงรุก. การประชุมวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม (ครั้งที่ 10).
พฤทธิ์ พุฒจร. พัฒนาการศึกษาด้วย IoT (Education development with Internet of Things). (ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2560. https://spidyhero.wordpress.com/
ภาสกร เรืองรอง , ประหยัด จิระวรพงศ์ , วณิชชา แม่นยา , วิลาวัลย์ สมยาโรน ,ศรัณยู หมื่นเดช และชไมพร ศรีสุราช. โซเชียลมีเดียกับการศึกษาไทย Social Media in Thailand Education. (ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2560. https://hooahz.wordpress.com/
วัชรินทร์ โพธิ์เงิน , พรจิต ประทุมสุวรรณ และ สันติ หุตะมาน. การจัดการเรียนการ สอนแบบโครงงานเป็นฐาน. (ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2560. http://www.fte.kmutnb.ac.th/km/project-based%20learning.pdf
Netthailand. e-Learning คืออะไร. (ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2560. http://www.netthailand.com/home/articles.php?art_id=12
Banner: https://www.ino9ve.com
ดร.ณัฐธยาน์ ตรีผลา
อาจารย์ประจำสาขาการจัดการธุรกิจดิจิทัล
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ไม่มีความคิดเห็น